ข้อควรระวังในการขอสินเชื่อ

  1. ลูกค้า จะต้องได้รับ คู่ฉบับหนังสือสัญญาเช่าซื้อ จากทางบริษัทผู้ให้บริการ ทุกครั้งที่ใช้บริการสินเชื่อ กรณีที่ทางบริษัทนั้นๆบ่ายเบี่ยงหรือไม่ยินยอมที่จะให้คู่ฉบับหนังสือสัญญา เช่าซื้อเป็นหลักฐาน ให้ตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะมีการทำผิดกฎหมายการเช่าซื้อซึ่งผลที่เกิดขึ้นนั้น อาจทำให้ลูกค้าได้รับความเสียหายได้
  2. กรณีปิดก่อนกำหนด ลูกค้ามีสิทธิ์ที่จะได้รับ ส่วนลดดอกเบี้ยของสัญญาเช่าซื้อ 50% ทุกครั้งไป กรณีที่ทางบริษัทนั้นๆไม่ลดส่วนลดตรงนี้ให้ ลูกค้าสามารถร้องเรียนไปยัง สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคได้
  3. กรณีสัญญาเช่าซื้อ จะมีการคิดภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ซึ่งลูกค้าจะได้รับใบเสร็จที่แสดงการคิดภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ซึ่งจำนวนเงินในส่วนนี้จะต้องถูกส่งไปยังกรมสรรพากรทุกกรณีไป ดังนั้น ถ้าลูกค้าไม่ได้รับใบเสร็จใดๆที่แสดงถึงการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% นั้น แสดงว่าธุรกรรมนั้นๆ ที่เกิดขึ้นไม่ถูกต้องตามกฎหมายและเป็นการเข้าข่ายการ หลีกเลี่ยงการเสียภาษีที่ถูกต้อง ลูกค้ามีสิทธิ์ที่จะร้องขอข้อชี้แจ้งจากทางบริษัทนั้นๆได้
  4. ในการโอนกรรมสิทธิ์เล่มทะเบียน จะต้องถูกโอนเป็นชื่อบริษัทที่ให้บริการเท่านั้น กรณีที่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ระบุในเล่มทะเบียนรถหรือในหนังสือสัญญาเงินกู้ ไม่ได้ระบุเป็นชื่อ นิติบุคคล ของบริษัทนั้นๆ ที่ลูกค้าเข้าไปใช้บริการ ให้ลูกค้าตั้งข้อสงสัยว่า การโอนสิทธิ์นั้นอาจเข้าข่ายการหลีกเลี่ยงกฎหมาย และอาจทำให้ลูกค้าผู้ใช้บริการได้รับความเสียหายได้
  5. การเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ ต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ไม่สามารถเรียกเก็บเกินจากที่กำหนดได้ ซึ่งแต่ละบริษัทนั้นเรียกเก็บอาจจะไม่เท่ากัน แต่จะต้องไม่เกินกว่าที่กฎหมายได้กำหนดไว้ ซึ่งลูกค้าสามารถสอบถามทางเจ้าหน้าที่ของบริษัทนั้นๆได้ ทุกครั้งไป